พิธีกรรมแกลมอ (การรักษาโรคด้วยเพลงดนตรี)
ดินแดนภาคอีสาน เป็นแหล่งอารยธรรมที่เก่าแก่แห่งหนึ่ง ที่มีหลากกลุ่มชาติพันธุ์
“แกลมอ” เป็นภาษากูย “แกล” แปลว่า เล่น คำว่า”มอ” เป็นคำเฉพาะ ซึ่งแกลมอ หมายถึง “การเล่นมอ”พิธีกรรมแกลมอ มีมาตั้งแต่เมื่อใดไม่มีหลักฐานปรากฏที่แน่ชัด ทราบแต่เพียงว่าพิธีกรรมนี้มีมานานแล้ว ชาวกูยรับการถ่ายทอดต่อเนื่องกันมา จากรุ่นสู่รุ่น และปฎิบัติมาโดยตลอดจนกระทั่งทุกวันนี้ โดยจัดพิธีนี้ขึ้นเนื่องในโอกาส 3 ประการ คือ
1. เพื่อเป็นการเคารพครูบาอาจารย์ ปู่ย่า ตายายที่เคยเคารพ เมื่อถึงวันสำคัญในรอบปีก็จะดำเนินพิธีกรรมขึ้นปีละ 1 ครั้ง ในวันอังคาร ขึ้น 8 หรือ 15 ค่ำ ของเดือนยี่ ตรงกับเดือนมกราคมของทุกปี
2. เพื่อแก้บน ตามที่ได้บนบานไว้
3. เพื่อรักษาผู้ป่วย ซึ่งเป็นการอัญเชิญดวงวิญญาณของบรรพบุรุษมาให้ความช่วยเหลือ ขอคำแนะนำผ่านล่าม หรือคนทรงเพื่อหาสาเหตุของการเจ็บป่วย และหาทางรักษาตามความเชื่อ
ชาวไทยกูย บ้านตรึม ตำบลตรึม อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ มีความเชื่อในเรื่องผี
ปู่ตา และเชื่อว่าตะกวด เป็นตัวแทนของผีปู่ตา เชื่อว่าตะกวดเป็นสัญลักษณ์เกี่ยวกับน้ำ และฝน
อันเป็นที่มาของความอุดมสมบูรณ์ โดยเซ่นไหว้ผีปู่ตาประจำหมู่บ้าน นอกจากนี้ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับพิธีกรรมการเล่นแกลมอ ภูมิปัญญารักษาโรคด้วยเพลงดนตรี ที่สืบสานกันมานาน ตั้งแต่บรรพบุรุษ ซึ่งมีบทบาทต่อการดำรงชีวิตของชาวไทยกูย เป็นพิธีกรรมที่ช่วยคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างคน กับคน คนกับธรรมชาติ
องค์ประกอบของพิธีกรรมการเล่นแกลมอ ประกอบด้วย
1.หิ้งมอ ประกอบด้วย เรือ ไยแมงมุม คันเชือกผูกไข่ไก่ มีด ดาบ ธนู ช้าง ม้า หญ้าคา 1 มัด ไม้แกะสลักเป็นรูปปราสาทราชวัง
2.เหล้า และเครื่องเซ่น
-เหล้านับเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของการประกอบพิธีกรรม จะเป็นเหล้าสาโท เหล้ากลั่น หรือ เหล้าโรง ปัจจุบัน ใช้เหล้าขาว เหล้าสี และเบียร์
-เครื่องเซ่นไหว้ ประกอบด้วยอาหารคาวหวาน เต่าต้ม ไก่ต้ม ข้าวเหนียวสุก กล้วย ข้าวต้มมัด หมากพลู ยาสูบ ด้ายสายสิญจน์ น้ำฝน ขันห้า/ขันแปด ใบเล็บครุฑ ธูป และ เทียน
-เครื่องเซ่นบนร้านปะรำพิธี ชั้นบน พื้นใช้ไม้ไผ่สานเป็นตาห่าง ๆ สำหรับวางขันใส่ข้าวตอก ดอกไม้ แขวนไยแมงมุม และไข่ไก่ ชั้นที่ 2 ใช้ไม้ไผ่ผูกเชือกทั้ง 3 ด้าน ข้าง ๆ จะมีผ้าถุงไหม(ผ้าซิ่น) ผ้าขาวม้าสีต่าง ๆ ตรงกลางวางทับด้วยดาบพันด้วยด้าย 3 สีของแม่มอ ด้านล่างมีถาดเครื่องไหว้ครู 1 ชุด ประกอบด้วย กระจก หวี แป้ง น้ำมันมะกอก ข้าวสาร กรวยใส่ดอกไม้ ผ้าขาวม้า ผ้าถุงไหม กลอง แคน หิ้งมอ ขันใส่ข้าวสาร
3.เครื่องดนตรี ประกอบด้วย กลองโทน และ แคน
4.ปะรำพิธี ใช้ลานกว้างบริเวณที่เป็นที่อยู่อาศัยของเจ้าภาพ/ผู้ป่วย ตั้งปะรำพิธีชั่วคราวเป็นโรงไม้ 4 เสา ปักเป็นมุมกว้าง 4 เมตร ยาว 4 เมตร มุงหลังคาด้วยใบมะพร้าวหรือหญ้าคา กลางปะรำพิธีจะสร้างร้านโดยปักเสา 3 ต้น ใช้ไม้ 2 ต้น และต้นกล้วย 1 ต้น ภายในปะรำจะปูตาข่ายตาถี่ วางทับด้วยเสื่อสำหรับให้ผู้เล่นได้เข้าไปนั่งทำพิธี ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ
ขั้นตอนการประกอบพิธีกรรมการเล่นแกลมอ
1.การแต่งกาย
แม่มอและมอจะนุ่งผ้าถุงไหม โทนสีดำ สีน้ำตาล เป็นส่วนใหญ่ และใส่เสื้อทรงกระบอกแขนยาว โดยปล่อยชายเสื้ออยู่นอกผ้าถุง พาดทับเฉียงด้วยผ้าสไบสีดำ สวมเครื่องประดับที่เป็นสายสร้อย ต่างหู และกำไลข้อมือที่ทำจากเงิน
2.การไหว้ครู และเชิญวิญญาณบรรพบุรุษเข้าร่าง
แม่มอไหว้ครู และทำพิธีเชิญวิญญาณบรรพบุรุษเข้าประทับร่างทรงก่อนคนอื่น มอคนอื่น ๆ เริ่มเชิญวิญญาณบรรพบุรุษเข้ามาประทับร่างทรงของตนเรียงตามลำดับอาวุโส การเชิญวิญญาณบรรพบุรุษนั้นจะถือขันที่ใส่ข้าวสาร และจุดเทียนในขัน มือทั้ง 2 จะจับขันไว้ในอาการสงบนิ่งคล้ายกับการนั่งสมาธิ สักพักตัวเริ่มสั่นเบาๆ จนกระทั่งแรงขึ้น เหมือนคนทรงเจ้าจะโยกตัวตามจังหวะเสียงกลอง แคน สักพักก็จะหยุดและมออื่นๆ ก็จะเริ่มเข้าทรงจนครบทุกคน
3.การร่ายรำ
เมื่อวิญญาณบรรพบุรุษเข้าร่างทรงแม่มอและมอแล้ว ก็จะจัดตบแต่งเครื่องแต่งกายพร้อมกับดื่มน้ำและเหล้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดนตรีจะเริ่มบรรเลงอีกครั้งในจังหวะช้าและเร็วขึ้นตามลำดับ แม่มอและมอทุกคนจะลุกขึ้นร่ายรำอย่างสนุกสนานตามจังหวะของเสียงดนตรีอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย การร่ายรำของแม่มอและมอทุกคน โดยส่วนใหญ่คนไหนร่ำท่าใดก็มักจะรำท่านั้นตลอดพิธีกรรม
ผู้มาร่วมพิธีกรรมหากเกิดความสนุกสนาน ก็สามารถจะร่ายรำกับแม่มอและมอได้
4.การเล่นช้าง เล่นม้า
โดยแม่มอ นำช้าง ม้า ที่ทำจากไม้ยอ มาให้มอถือ และรำรอบเสาพิธี 3 รอบ จะมีผู้ที่จะมาลักช้าง มา เป็นบุคคลภายนอกที่ไม่ได้ร่วมพิธีกรรม โดยกระเซ้าเย้าแหย่ และดึงไปจากมือแม่มอ แล้วนำไปซ่อนไว้บริเวณใกล้เคียง จากนั้นจะเป็นขั้นตอนการตามหาช้าง ม้า คนที่ทำหน้าที่ตามหาช้าง ม้า คือนายพราน ถือดาบ ธนู และสนา หรือหน้าไม้ ไว้สำหรับป้องกันตัวเอง ขณะไปตามช้าง ม้า กลับมา โดยการนำข้าวต้ม ไปเป็นเสบียง ระหว่างที่ตามหาช้าง ม้า เมื่อตามเจอแล้วแม่มอ และมอคนอื่น ๆ ออกมาตั้งแถวรอคล้องช้าง และจับม้า นอกปะรำ ในมือจะถือฝ้าย เตรียมคล้องช้าง และจับม้า เมื่อคล้องช้าง และจับม้าได้แล้ว ก็จะเข้าในปะรำพิธี
5.การแห่ดอกไม้
บริวารจะจัดเตรียมขันดอกไม้ ซึ่งดอกไม้ที่จัดเตรียมจะเป็นดอกไม้ในท้องถิ่น การแห่ดอกไม้เป็นการแสดงความยินดีที่มีการเฉลิมฉลองในการที่มีความสุข จากการที่ได้ช้าง ม้า และอื่น ๆ มาอยู่ในกลุ่มหรือตระกูลของตนเอง
6.การตัดแพ และการอาบน้ำผู้เจ็บป่วย
ญาติจะช่วยกันจัดสถานที่ มีถังใส่น้ำ 2 ถัง มีแพ 9 ชั้น ทำด้วยก้านกล้วย ก่อนจะเริ่มในแต่ละขั้นตอนบรรดามอจะร่ายรำ 3 รอบทุกครั้ง (เวียนซ้าย) การตั้งแพจะตั้งทางทิศใต้ของปะรำพิธี มีไม้กระดานเตรียมสำหรับผู้ป่วยนั่ง แม่มอ และมอรองรำนำหน้าทำพิธี กลุ่มคนที่อยู่บริเวณรอบนอกต่างก็ส่งเสียง ให้ตัดแพโดยเร็ว ขณะเดียวกันจะมีหนึ่งคน ถือต้นปอที่ลอกเอาใยปอออกแล้ว จุดไฟไปยืนอยู่ด้านหน้าของร่างทรง แม่มอถือมีดรำรอบตัวร่างทรง และไปตัดแพที่อยู่ด้านหน้า หากแพล้มลงเร็ว
8.การบายศรีสู่ขวัญผู้เจ็บป่วย
ผู้ที่อยู่รอบนอก (ผู้หญิง) จะจัดบายศรีสำหรับมอทุกคน มอนั่งลงตรงหน้าบายศรีแล้วจุดเทียนทำท่ากินเทียน (เปลวเทียน) 3 รอบ เป็นอันจบพิธีกินบายศรี ผู้มาร่วมพิธีกรรมทั้งหมดที่อยู่บริเวณที่ประกอบพิธีกรรม จะนำด้ายผูกข้อมือผูกให้กับผู้เจ็บป่วย ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นการเรียกขวัญให้กลับมาอยู่กับตัว และจะทำ ให้อาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ได้หายไป
9.การออกจากร่างทรง
แม่มอ และมอทั้งหมดจะลุกขึ้นรำอีก 3 รอบ แล้วจะทำพิธีกินบายศรี (อาหารที่จัดสำรับเหมือนตอนแรก) เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้วก็จะทำพิธีออกจากร่างจะปฏิบัติเหมือนตอนแรกที่เริ่มเข้าทรงเป็นการปล่อยวิญญาณบรรพบุรุษให้ไปอยู่ที่เดิม ตอนออกหมอแคนจะเป่าแคนให้ทำนองคนเดียวจะไม่ใช้กลองตีให้จังหวะเพราะเชื่อว่าหากได้ยินเสียงกลองมอจะไม่ยอมออกจากร่าง มอจะออกจากร่างก่อนหลังตามอาวุโสของมอคือจากน้อยไปหามาก แม่มอจะออกร่างเป็นคนสุดท้าย เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีกรรม การเล่นแกลมอ
จากสภาพความก้าวหน้าของโลกในปัจจุบัน แม้วิวัฒนาการทางการแพทย์จะเจริญก้าวหน้าเพียงใด การรักษาโรคบางอย่างจำเป็นต้องใช้ค่ารักษาที่สูง ทำให้ส่วนมากหันไปรักษาด้วยวิธีการแบบดั้งเดิม เช่นการรักษาด้วยพิธีธรรม หมอสมุนไพร ซึ่งค่าใช้จ่ายในการักษาไม่สูงมากนัก
พิธีแกลมอประกอบขึ้นยามเหตุการณ์วิกฤตในครอบครัว จึงเป็นวิธีการบำบัดอีกวิธีหนึ่งที่ยังคงยึดมั่นค่อนข้างเหนียวแน่นเกือบทุกผู้ทุกคน สังเกตได้จากการเข้าร่วมพิธีกรรมของกลุ่มชนจะพบเห็นทุกเพศทุกวัยในวงพิธีกรรม แม้ว่าทัศนคติของคนบางคนจะไม่เชื่อในเรื่องนี้ แต่หากมีการประกอบพิธีกรรมก็ยังฝากปัจจัยอื่นๆเข้าสมทบ และผู้คนเหล่านั้นไม่ได้ดูหมิ่นหรือกล่าวร้ายต่อแกลมอแต่อย่างใด พิธีกรรมที่เรียกว่าแกลมอก็ยังอยู่ในระบบความเชื่อตลอดไป
1 ความคิดเห็น:
อยากทราบ ผู้ที่เขียน เรื่องพิธีกรรมแกลมอและ ปี พศ. อ่าครับ ตอบคำถามหน่อยได้ไหมครับ
แสดงความคิดเห็น