วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ฝึกคนและควายไถนา

ฝึกคนและควายไถนา

ภาพจาก http://topicstock.pantip.com/
ข้าว เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากของประเทศไทย แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่ากว่าจะมาเป็นข้าวสารและข้าวสวยที่หุงกินกันทุกวันนั้นเป็นมาอย่างไร กระบวนการทำนาต้องใช้อะไรบ้าง

ภาพจาก http://www.matichon.co.th/news

“เมื่อก่อนชาวนาใช้ควายไถนา” เป็นคำพูดที่แสดงถึงวีถีเกษตรกรในอดีต ที่จะเห็นได้ว่าควายคือคู่แท้ของชาวนา ถ้าไม่มีควายก็คงไม่สามารถจะทำมาหากินได้ เมื่อความเจริญทางเทคโนโลยีและความเจริญทางวัตถุนำพาความสะดวกสบายเข้ามาสู่เกษตรกร ควายเนื้อแท้ๆ ก็จะหายไป กลายเป็นควายเหล็กเข้ามาแทนที่
ควายคราดนา


ในยุคสมัยนี้ คงมีไม่กี่แห่งที่จะได้เห็นชาวนาใช้ควายทำนา เด็กสมัยใหม่บางคนอาจนึกภาพไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าควายกับวัวแตกต่างกันอย่างไร แล้วการใช้ควายทำนาเขาทำกันอย่างไร แต่ก่อนที่ภาพวิถีชีวิตแบบนี้เริ่มเลือนหายไปตามกาลเวลา ก็ยังมีผู้ที่คิดถึงการอนุรักษ์สิ่งเหล่านี้ให้คงอยู่ เพื่อรักษาวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมให้คนรุ่นหลังได้เห็น จะได้สืบทอดต่อไปในอนาคต
คนและควายที่ถูกคัดเลือกมานั้น ก็จะได้มาเรียนรู้และฝึกฝนในวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบพื้นบ้านดั้งเดิมของไทย และวัตถุประสงค์ที่สำคัญของการเรียนรู้ครั้งนี้คือ การใช้ควายไถนา หลังจากการได้รับควายจากทางกรมปศุสัตว์และได้รับคัดเลือกให้มาเรียนยังโรงเรียนแห่งนี้ ช่วงเวลา 10 วัน คือการเรียนรู้รูปแบบชีวิตที่เคยเป็นมาในอดีต

ฝึกควาย

ใช่ว่าควายที่เกิดมาทุกตัวนั้นจะไถนาเป็นตั้งแต่เกิด ควายทุกตัวจะต้องมีการฝึกฝนเพื่อที่จะไถนา หรือทำงานอื่นๆ เช่นเดียวกับคนที่จะต้องเรียนรู้การไถนา และวิธีการฝึกฝนควายให้ไถนาเป็นเช่นกัน โรงเรียนแห่งนี้จึงเสมือนสถานที่ฝึกสอนที่คนและควายไปพร้อมๆ กัน ตามวิถีของชาวนาไทย
ภายในโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ ได้น้อมนำวิธีเกษตรพอเพียงมาปรับใช้ภายในบริเวณโรงเรียนด้วย โดยมีการแบ่งพื้นที่ 30-30-30-10 เป็นพื้นที่เพาะปลูก สระน้ำเพื่อการใช้สอย และพื้นที่ทำนา อย่างละ 30 ส่วน รวม 90 ส่วน และพื้นที่พักอาศัย 10 ส่วน ภายในพื้นที่โรงเรียนยังมีโรงเรือนแสดงเครื่องมือและอุปกรณ์ในการใช้ทำนา ที่ใช้กันมาแต่ดั้งเดิม ซึ่งทำขึ้นตามภูมิปัญญาชาวบ้าน อุปกรณ์ทุกชิ้นจะนำมาใช้ทำการเกษตรในโรงเรียน และแปลงนาจะปลูกข้าวในระยะต่างๆกัน เพื่อให้ผู้ที่ได้มาเยี่ยมชมได้เห็นข้าวในระยะเติบโตที่ต่างกัน และภายหลังจากการเก็บเกี่ยว จะใช้การปลูกพืชบำรุงดินแทนการใช้ปุ๋ย นอกจากนี้ ภายในโรงเรียนยังมีที่พักที่ทำจากดินเป็นที่พักของผู้ฝึกอบรมและวิทยากร เพื่อการสัมผัสวิถีชาวนาอย่างแท้จริง
สำหรับวิธีการไถนานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ควายที่จะนำมาฝึกฝนนั้นจะต้องมีอายุ 2 ปีขึ้นไป ซึ่งควายจะมีขนาดตัวพอเหมาะ เนื่องด้วยการใช้คราดผูกติดบนหลังควาย ปลายคราดนั้นจะอยู่ที่พื้นพอดี ส่วนชาวนานั้นต้องมีทักษะการใช้เชือก เพราะเชือกจะเป็นตัวบังคับทิศทางการเดินของควาย ความคุ้นเคยกันและความไว้ใจกันของคนและควายก็เป็นสิ่งสำคัญ การจะไถนาได้สำเร็จนั้น ต้องพึ่งพาทักษะและความอดทนของทั้งสองฝ่ายที่ร่วมด้วยช่วยกัน ในการเรียนก็มีควายบางตัวที่ดื้อ หรือบางตัวก็ขี้เกียจ สัตว์ก็คล้ายกับคนเราที่มีความเกียจคร้านบ้างเหมือนกัน
จะเห็นได้ว่าแม้เป็นเพียงมุมเล็กๆ แต่เมื่อมองถึงคุณค่าที่ควรแค่การอนุรักษ์ไว้ จะเป็นความรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่จะสืบต่อวัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่เคยเป็นมา ไม่ให้หายไปตามวันเวลาที่มีการพัฒนาด้านวัตถุอย่างรวดเร็ว เป็นสิ่งที่สะท้อนให้ผู้คนที่อยากได้รับรู้ได้เห็นว่าการใช้ควายทำนานั้นเป็นมาอย่างไร ภาพของควายไถนาก็คงจะยังไม่เลือนหายจากไปในเร็ววัน

โรงเรียนกาสรกสิวิทย์ 
ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 999 ต.ศาลาลำดวน อ.เมือง จ.สระแก้ว ผู้สนใจเข้าเที่ยวชมสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากทางโรงเรียนได้ที่ โทร.0-3743-5058 หรือสอบถามที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครนายก (พื้นที่รับผิดชอบ: นครนายก,ปราจีนบุรี,สระแก้ว) โทร.0-3731-2282, 0-3731- 2284
ขอบคุณ:http://www.photoontour.com/Misc_HTML/news/page/109.htm

ไม่มีความคิดเห็น: