ผีปู่ตา : ยะจั๊วะ
ชาวไทยกูย เป็นชนพื้นเมืองเดิมอันมีเลือดผสมระหว่างเวดดิก ( Veddic ) และเมลานีเซียน ( Melanesian ) นับเนื่องอยู่ในกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกับพวกข่า เดิมที่อาศัยอยู่ในบริเวณแถบเขาพนมดงรัก มีความเชื่อเรื่องผีบรรพบุรุษ เรียกว่ายะจั๊วะ ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 อย่างคือ
- 1. ยะจั๊วะเพรียม ( ผีปู่ตา )
- 2. ยะจี๊วะ ( ผีบรรพบุรุษในสายตระกูล
![]() |
แซนหยะจั๊วะ ขอบคุณภาพ:http://news.sanook.com/1993418/ |
ยะจั๊วะเพรียมหรือยะจั๊วะปืด
ชาวไทยกูยหมายถึง ผีอารักษ์ประจำหมู่บ้าน โดยชาวบ้านจะปลูกศาลไว้ เช่น ที่บ้านตรึม ปลูกศาลไม้ไว้ข้างๆ โพรงตะกวด โดยให้เหตุผลว่าตะกวด ซึ่งแทนผีปู่ตาเหล่านี้ไม่ชอบศาลปูนซีเมนต์ ศาลดังกล่าวซึ่งอยู่มุมหนึ่งของหมู่บ้าน กรณีที่บ้านสำโรงทาบซึ่งไม่มีตะกวด แต่ก็มีศาลยะจั๊วะประจำหมู่บ้าน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน ซึ่งในวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี จะมีการเซ่นสรวง เรียกว่า แซนยะจั๊วะ เพื่อขอบคุณ ที่ได้ให้ผลผลิตจากการทำนาทำไร่และให้ข้าวแก่ยุ้งฉาง
ณ บ้านตรึม บ้านแตล และอื่นๆ บางหมู่บ้านในเขตอำเภอศีขรภูมิ จะมีต้นไม้ใหญ่เป็นโพรงสำหรับตะกวดอาศัยอยู่ อย่างเช่น บ้านตรึม มีต้นมะขามใหญ่ มีศาลยะจั๊วะอยู่ใต้ต้นนี้ ชาวบ้านถือว่าตะกวดมีอิทธิพลมาก บาวทีก็ทำให้ฝนไม่ตก หากชาวบ้านประพฤติตนไม่ดีงาม หรือมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นในหมู่บ้าน ตอนเช้าตะกวดจะออกจากโพรงเดินเพ่นพ่านหากินกบ เขียด คางคก ลูกไก่ หรือ ไข่ไก่ ตามหมู่บ้าน บางทีก็ขึ้นบนบ้าน ช่วงเที่ยงก็กลับมานอน ครั้นบ่ายก็ออกไปอีก ตกกลางคืนจะนอนนิ่งเงียบภายในโพรงไม้ ต้นไม้ที่มีตะกวดอาศัยอยู่จะมีนกกระสาฝูงใหญ่มาอยู่พึ่งพากัน และต้นไม้อื่นๆ ก็ปรากฏมีกระรอกกระแตมาอาศัยอยู่ในต้นไม้ภายในหมู่บ้าน ชาวบ้านรักสัตว์เหล่านี้ จะไม่แตะต้องสัตว์ที่เป็นเพื่อนของปู่ตา (ตะกวด) สรรพนามที่เรียกตะกวด คือ “เขา” หรือพ่อ “พ่อเฒ่า” แม้เวลาที่เห็นและจับได้ว่าตะกวดกินลูกไก่ ก็จะไม่ตี จะไล่ให้ไปที่อื่นและไม่กล่าวคำหยาบต่อตะกวดเหล่านั้น
การทำนายฝนฟ้า
ทั้งเดือน 3 เดือน 6 และเดือน 8 จะมีการเซ่นยะจั๊วะเพรียม โดยที่จุดหมายอยู่ที่ความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากฝนฟ้าช่วยเสริมการเกษตร สำหรับชาวไทยกูยที่มิได้เลี้ยงช้างแต่ยึดอาชีพทำนาเป็นหลัก
การประกอบพิธีจะกระทำในเวลาเช้ามืด ณ บริเวณยะจั๊วะตั้งอยู่ เครื่องเซ่นประกอบด้วยข้าว 1 จาน ไก่ต้ม 1 ตัว น้ำ 1 แก้ว เหล้า 1 ขวด หมาก-พลู 2 คำ บุหรี่ 2 มวน ข้าวเปลือก 1 ถ้วย และเงิน 12 บาท ในตอนเช้ามืดของวันที่จะประกอบพิธี ชาวบ้านจะนำเครื่องเซ่นดังกล่าวออกไปที่ยะจั๊วะเพรียม ซึ่งอยู่นอกหมู่บ้าน (มักใช้บริเวณสถานที่ตั้งหมู่บ้านนั้น ๆ ครั้งแรก) ผู้ทำพิธีเรียกว่า “เฒ่าจำ” หลังจากบนบานบอกกล่าวแล้ว ก็จะวางเครื่องเซ่นไว้ที่ศาล แล้วทำพิธีเสี่ยงทายโดยถอดกระดูกคางไก่ตัวที่เป็นเครื่องเซ่นออกมาดู เพื่อทำนายฝนฟ้าและน้ำท่าในปีนั้น ถ้าคางไก่เหยียดตรง ทำนายว่าปีนั้นฝนจะตกน้อย น้ำน้อยคือฝนแล้ง แห้งแล้งมาก เนื่องจากไก่แหงนคอดูฟ้า คอยดูว่าเมื่อใดฝนจะตก จึงทำให้กระดูกคางไก่ตั้งตรง ถ้าคางไก่โค้งลง ทำนายว่าฝนจะตกอุดมสมบูรณ์ เพราะไก่ก้มลงกินน้ำและหากินตามปกติ จึงทำให้กระดูกไก่โค้งงอลง เมื่อการทำนายเสร็จสิ้นชาวบ้านจะยึดถือเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาปรับปรุงการทำนาเก็บสะสมพืชพันธุ์ธัญญาหาร เพื่อให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ต่อไป ซึ่งพบว่าในอดีตหมู่บ้านเหล่านี้เคยใช้เต่าไปเซ่นแทนไก่ ในเดือน 3 เช่นเดียวกับแถบหมู่บ้านที่นับถือตะกวด เพราะเต่าคือสัญลักษณ์ของน้ำและฝนนั่นเอง
ยะจั๊วดุง เป็นผีบรรพบุรุษในสายตระกูลชาวไทยกูยแถวหมู่บ้านที่ไม่มีตะกวด เช่น สำโรงทาบ และบ้านอื่น ๆ ใน อ.สำโรงทาบ บ้านหนองสมบูรณ์ และบ้านอื่น ๆ ใน อ.กาบเชิงหรือสังขะ จะเน้นและให้ความสำคัญยะจั๊วะดุงมากกว่ายะจั๊วะเพรียม เพราะถือว่ายะจั๊วะดุงเป็นผู้คอยดูแลความเป็นไปในครอบครัว และเครือญาติในสายตระกูลให้อยู่อย่างปกติสุข ซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่ชาวไทยกูยเหล่านี้บอกว่า “เกิดมาก็เห็นหมอนใบหนึ่งวางอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องที่เป็นบ้านยะจั๊วะ (โคตรใหญ่) แล้วเมื่อพ่อแม่ปฏิบัติอย่างไรรุ่นลูกรุ่นหลานก็ปฏิบัติอย่างนั้นเป็นธรรมเนียมมาจนปัจจุบัน “แต่ที่หมู่บ้าน ตรึม แตล หัวแรด อ.ศรีขรภูมิ ที่มีตะกวดแทนผีปู่ตานั้น ให้ความสำคัญแก่ยะจั๊วะดุงค่อนข้างน้อย
ชาวไทยกูยจะผูกพันกับยะจั๊วะ ไม่ว่าการเกิด การตาย การแต่งงาน การบวช หรือแม้แต่การทะเลาะเบาะแว้งกันในวงศ์เครือญาติ หรือการประพฤติผิดศีลของคนในตระกูล จะมีการเสี่ยงทายหาสาเหตุ หากพบว่าเป็นการกระทำของยะจั๊วะ ทุกคนก็จะยอมรับว่ามีผู้กระทำผิดจารีตบ้านยะจั๊วะ ยะจั๊วะจะหายโกรธและยอมให้อภัย
โดยเฉพาะการแต่งงาน เมื่อสะใภ้เข้ามาอยู่ในบ้าน จำต้องทำพิธีเซาะดุง (ขึ้นบ้าน) ที่บ้านยะจั๊วะก่อน จึงจะถือว่าเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวโดยสมบูรณ์ หากยังไม่ได้ทำพิธีเซาะดุง สะใภ้คนนั้นก็ไม่มีสิทธิ์จะขึ้นบ้านยะจั๊วะ แต่ถ้าหากปีใดมีการแต่งสะใภ้เข้ามาในสายตระกูลเกิน 2 คน ก็จะทำพิธีเซาะดุงได้ เพียงสะใภ้คนเดียว ส่วนคนต่อไปก็จะมาทำพิธีในปีถัดไป เพราะหากทำในปีเดียวกัน จะทำให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งที่เป็นสะใภ้มีอันเป็นไปอย่างใดอย่างหนึ่ง
การใช้สัตว์หรือชื่อสัตว์เป็นสัญลักษณ์แทนผีปู่ตา
แม้ชาวไทยกูยในจังหวัดสุรินทร์จะไม่รู้ว่ายะจั๊วะอยู่ที่ใด มีตัวตนหรือไม่ แต่เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นในครอบครัวเครือญาติในสายตระกูล ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะดีหรือร้ายประการใด ทุกคนก็ให้ความสำคัญ และเคารพยำเกรงยะจั๊วะเสมอ โดยผ่านทางญาติผู้ใหญ่ที่เรียกว่าโคตรปืด หรือสมมุติสัตว์หรือชื่อสัตว์ เช่น ตะกวดที่อาศัยอยู่ในโพรงไม้ หรือป่าทึบ เต่าที่อาศัยในน้ำหรือด้านถักใยแมงมุมที่แขวนอยู่รอบศาลที่ประทับของยะจั๊วะดุง หรือผีบรรพบุรุษในบ้านของโคตรใหญ่ในสายตระกูล ก็เพื่อเป็นการสื่อระหว่างบุคคลในสายตระกูลกับผีบรรพบุรุษ หรือบุคคลในหมู่บ้านกับผีบรรพบุรุษ เพราะจะพบว่า การเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษ (ยะจั๊วะ) หรือผีปู่ตา โดยโคตรใหญ่ในสายตระกูลหรือเต่าประจำหมู่บ้าน สะท้อนให้เห็นถึงโลกทัศน์เกี่ยวกับความเชื่อที่ว่า มนุษย์สามารถติดต่อกับผีบรรพบุรุษตลอดจนสิ่งเหนือธรรมชาติที่สิงสถิตอยู่ตามต้นไม้ และสถานที่หวงห้ามซึ่งให้คุณและให้โทษแก่คนในชุมชน
กูยช้าง-กูยตะกวด เป็นแบบอย่าง ที่น่าศึกษาด้านการรักษาระบบนิเวศวิทยาและการปลูกฝังความเชื่อ-ค่านิยมเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่น่าทึ่งและเหมาะสมในสภาวการณ์โลกในปัจจุบัน
ขอบคุณ-http://www.oknation.net/blog/kradandum/2008/11/06/entry-3